เคล็ดลับจับโกหก ที่เราจะแนะนำในวันนี้จะฉีกกฏความเชื่อเดิมๆของคุณออกอย่างสิ้นเชิง และใช้ได้ผลดีด้วยนะ ใครอยากรู้ไปอ่านกันเลย
สมัยนี้คนเราเวลารู้จักกันก็แทบจะรู้หน้าไม่รู้ใจ คำพูดที่เขาพูดกับเรามีความจริงอยู่มากน้อยสักแค่ไหน แต่หากอยากเป็นคนที่ฉลาดและทันคนเราต้องหัดเรียนรู้ในการจับโกหกให้เก่งด้วย เพื่อที่ตัวเราเองจะสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่างๆได้
ถึงแม้ว่าคนโกหกเดี๋ยวนี้จะพัฒนาทักษะในการโกหกก้าวหน้าไปมาก แต่คนจับโกหกเองก็พัฒนาได้ล้ำกว่าเช่นกัน โดยเคล็ดลับในการฝึกทักษะเหล่านี้ไม่ได้ยากเลยแต่เราต้องหมั่นสังเกตอากับกิริยาต่างๆให้ดี โดยคนทั่วไปจะสามารถจับโกหกได้ถูกต้องเพียงแค่ 54% เท่านั้นแต่ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถจับโกหกได้ถึง 90 % หรือเกือบจะทั้งหมดเลยทีเดียว และหากเพื่อนๆ
อ่านบทความนี้จะรู้ข้อมูลเหล่านี้ได้
อยากเก่งเหมือนผู้เชียวชาญต้องหัดฝึก 7 เทคนิคเหล่านี้
1.ตั้งคำถามโดยไม่ให้ทันตั้งตัว
จะเรียกว่าเปรียบเหมือนปล่อยหมัดเด็ดของเราก็ได้นะคะ โดยการจะปล่อยหมัดนี้ต้องไม่ให้เขาได้ทันตั้งตัวเด็ดขาด เช่น อย่าเปิดประเด็นหรือเอ่ยนำก่อน ประมาณว่า ฉันมีเรื่องสำคัญจะถาม หรือมีเรื่องจะถามหน่อยๆ อะไรแบบนี้ เนื่องจากหากคนนั้นเป็นคนโกหกเก่งการพูดนำทางแบบนี้จะทำให้เขาเตรียมความพร้อมในการแสดงออกทำให้คุณไม่สามารถจับท่าทางหรือสังเกตกิริยาที่หลุดออกมาจากใจของเขาได้เลย และที่สำคัญอย่าถามคำถามโดยไม่มองหน้าเด็ดขาด เพราะสีหน้าท่าทางที่เราต้องจับให้ดี คือสีหน้าท่าทางที่ออกมาในช่วง 3-4 วินาทีหลังจากที่เราถามเสร็จเท่านั้น
2.สังเกตสายตาของเขาให้ดี
เคยมีคนบอกเราก่อนเสมอว่า คนที่โกหกเขามักจะหลบสายตา แต่เพื่อนๆรู้ไหมคะว่าจริงๆแล้วคนโกหกเขาก็รู้ความเชื่อที่คนอื่นว่ากันมานี้เหมือนกัน ยิ่งคนที่ตั้งใจจะโกหกเขาจะเอาจุดนี้เป็นจุดแข็งทำให้เราไขว้เขวได้ ดังนั้นหากเราจะจับโกหกใครต้องสังเกตสายตาของเขาให้ดี บางคนโกหกแล้วจ้องตาเรานานมากเพื่อที่เขาจะสามารถดูปฏิกิริยาของเราว่าเราเชื่อเขาหรือเปล่า แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ทุกคนบางคนก็ไม่มองตาเอาเสียเลย ดังนั้นเราต้องรู้พฤติกรรมปกติของเขาด้วยว่าเขาทำประมาณไหนและตอนที่เราถามเขามีพฤติกรรมต่างไปจากเดิมหรือเปล่าค่ะ
3.ฟังน้ำเสียงของเขา
คนโกหกเวลาพูดน้ำเสียงของเขาจะเบาลงหรือไม่ก็สูงขึ้นกว่าปกติ แถมบางครั้งยังดูวกไปวนมาไม่ต่อเนื่องเหมือนตอนที่เขาคุยปกติ
4.อย่าลืมดูการเคลื่อนไหวของร่างกายด้วย
คนที่โกหกจะมีการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ช้าลงอย่างกะทันหันเพราะสมองจะต้องใช้ความคิดมากขึ้นกว่าเดิมและใช้พลังงานเยอะขึ้น หากเวลาปกติเขาเป็นคนคล่องแคล่วแต่หากเจอคำถามบางอย่างแล้วเขามีอาการช้าลงนั่นอาจหมายความว่าเขากำลังพูดบิดเบือนอยู่
5.การโกรธหรือยิงคำถามกลับก็เป็นจุดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม
หากเราถามคำถามอะไร แล้วจู่ๆเขาก็แสดงอาการโกรธหรือถามคำถามกลับ เช่น อะไร นี่ไม่ไว้ใจกันเลยเหรอ ประมาณนี้ค่ะ เนื่องจากคนที่ตอบแนวๆนี้อาจกำลังโกหกอยู่ก็ได้ เพราะคนที่พูดความจริงเขาจะตอบตามจริงไปเลยและไม่จำเป็นต้องโกรธ
6.มักจะอ้างให้ไปถามคนอื่นเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์หรือเอาตัวรอด
คนโกหกจะพยายามทำให้เราเชื่อเขามากที่สุด บางครั้งก็จะอ้างคนอื่นเหมือนใช้เป็นพยานด้วย เช่น ไม่เชื่อก็ลองโทรไปถามคนนั้นดูสิ ถามเลย เอาเบอร์ไหมละ หรืออะไรประมาณนี้ เชื่อหรือไม่คะว่าคนที่เจอคำแบบนี้เกือบ 90% จะไม่ยอมถามคนอื่นเพราคิดว่าถ้าไม่จริงเขาคงไม่กล้าเอาคนนั้นคนนี้มายืนยันหรืออีกอย่างคือไม่กล้าให้คนอื่นๆรู้ว่าคุณกำลังจับผิดเขาอยู่เป็นต้น
7.มักจะถามคำถามซ้ำ
หากเขาถามซ้ำหรือทวนคำถาม เช่น เธอว่ายังไงนะ แบบนี้เหรอ อ๋อ ๆ อะไรแบบนี้ ซึ่ง ในข้อนี้อาจจะต้องดุก่อนว่าเขาไม่ได้ยินจริงๆหรือเขากำลังประวิงเวลาอยู่ หากคุณจ้องตาและมั่นใจว่าเขาได้ยินจริงๆแล้วเขาถามซ้ำนั่นอาจจะหมายถึงเขากำลังคิดหาทางกลบเกลื่อนอยู่ก็ได้ค่ะ
การจับโกหกที่จะจับได้มากที่สุดคือจังหวะหลังจากที่เราถามเขา 3-4 วินาทีแรกหลังจากที่เราถามแบบไม่ทันตั้งตัว เขาจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่ออกมาจากจิตใจจริงของเขา ซึ่งหากเราพลาดจังหวะนี้ไปแล้วประสิทธิภาพในการจับโกหกก็จะลดลงแต่ก็ยังไม่หมดหวังเพราะเรายังสามารถสังเกตได้จากน้ำเสียง แววตาและท่าทางต่างๆเข้าประกอบด้วย ดังนั้นหากอยากรู้ว่าคนที่เราถามกำลังโกหกเราไหม ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ